DVR/NVR ของกล้องวงจรปิด CCTV : เลือกอย่างไร?...
อุปกรณ์ที่ใช้ในการบันทึกเราเรียกว่า DVR/NVR ครับ ซึ่งแต่ละยี่ห้อมันก็มีตั้งหลายรุ่นแล้วเลือกอย่างไรละ? ผมจะเล่าให้ฟังครับ
DVR แบ่งได้หลายแบบมากๆ ซึ่งผมจะค่อยๆ แบ่ง DVR ไปที่ละอันตามลำดับความสำคัญก็แล้วกันนะครับ
แบ่งตามช่องสัญญาณ input หรือที่เราเรียกกัน Chanel คือจำนวนกล้องที่รองรับได้สูงสุดนั่นเอง โดยส่วนใหญ่ก็จะแบ่งเป็น 4,8,16,32,64 channel ซึ่ง DVR ที่มี Chanel มากก็จะราคาแพงขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ
การที่มีจำนวนช่อง input มากขึ้นนี้เองทำให้ความสามารถมันก็ถูกแบ่งหารออกไปด้วย เช่น DVR ที่บอกว่า "real time" ความหมายของ Real time คือ 25 เฟรมต่อวินาที แต่สิ่งที่เขา หมดเม็ดเอาไว้คือ ทุกๆ Channel รวมกันได้ 25 ภาพต่อวินาที! งงมั้ยครับ.... คือถ้าเรามี 4 Channel คือเราต้องเอา 25 หาร 4 ซึ่งจะได้ 6.25 ภาพต่อวินาที่ต่อกล้อง ซึ่ง DVR บางรุ่นบางยี่ห้อไม่สามารถจัดการให้แต่ละกล้องให้มี frame rate ที่แต่ต่างกันได้ คือทุก Channel ต้องเท่ากันทั้งหมด
แต่บางยี่ห้อสามารถจัดการแยกได้อิสระ เช่น
กล้องตัวที่ 1 บันทึกที่ 6 ต่อวินาที่
กล้องตัวที่ 2 บันทึกที่ 8 ต่อวินาที่
กล้องตัวที่ 3 บันทึกที่ 2 ต่อวินาที่ (ติดตั้งในจุดที่ไม่ค่อยวิกฤต แต่ก็เป็นตำแหน่งที่ต้องติด)
กล้องตัวที่ 4 บันทึกที่ 9 ต่อวินาที่ (ติดตั้งในจุดที่วิกฤต และความเสี่ยงสูงที่สุด)
ซึ่งรวมแล้วก็จะเท่ากันคือ 25 ภาพต่อวินาที่ต่อเครื่องบันทึก 1 เครื่อง ที่อยากจะบอกคือ DVR ที่ราคาถูกก็จะไม่มีฟังชั่นนี้ครับ
แบ่งตามความสามารถในรองรับความจุของฮาร์ดดิสก์
คืออย่างนี้ครับ ในเครื่อง DVR เนี่ยตาม Spec จะต้องบอกว่ารองรับฮาร์ดดิสก์สูงสุดได้กี่ตัว และมองเห็นที่ความจุสูงสุดที่เท่าไหร่ เช่นบอกว่า 1GB x 2Bay หมายความว่ารับฮาร์ดดิสที่ความจุสูงสุด 1 GB และสามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้สูงสุด 2 ลูกนั่นเอง ซึ่งการที่ตัวเครื่องรองรับฮาร์ดดิสก์ได้มาก หมายความว่าราคาที่จะแพงขึ้นอีกเช่นเคย
แบ่งตามความสามารถในการดูผ่าน Internet
เครื่อง DVR รุ่นใหม่เดี่ยวนี้ ความสามารถในการดูกล้องวงจรปิดผ่าน Internet เป็น ฟังชั่นพื้นฐานที่ต้องมีแล้วล่ะครับ ยังไม่พอเดี๋ยวนี้เค้าดูผ่าน iPhone iPad Android กันแล้ว ถ้าเครื่องไหนไม่มีก็แสดงว่าเป็นเครื่องที่ต้องการขายเอาราคาถูก หรือไม่ก็เป็นเครื่องที่ตกรุ่นแล้วละครับ ส่วนตัวผมไม่แนะนำให้ซื้อครับ เพราะว่าราคาต่างกันไม่กี่บาท วันนึงข้างหน้าเราอาจได้ใช้ครับ เพราะของพวกนี้เราใช้กันนานครับ..ต่างกันไม่กี่บาท ซื้อที่เดียวไปเลยครับ
แบ่งตามความสามารถในการสำรองข้อมูลออกภายนอก
อืม..ทำไมผมเขียนหัวข้อให้งงอย่างนี้นะ..คือย่างงี้ครับ บางรุ่นจะสามารถ write ข้อมูลที่เราบันทึกเก็บไว้ในรูปแบบ CD-DVD ได้จากตัวเครื่อง คือมี DVD-RW, CD-RW ในตัวเครื่องนั่นเองครับ เอ...แล้วพวกที่ไม่มี writer เค้าสำรองข้อมูลกันอย่างไรล่ะ?...เค้าใช้ Thumb drive แล้ว ค่อยมาเขียนข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์เองครับ คืออาจจะวุ่นวานหน่อย ตรงนี้อยู่ที่จุดประสงค์ในการบันทึกแต่ละท่านครับ เช่น ธนาคารอาจจะต้องการบันทึกเพราะว่าเวลาที่ต้องการดูตัวผู้ต้องสงสัยในอดีตอาจ จะต้องย้อนหลังไปเป็นหลายเดือน ดังนั้นการสำรองข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จึงจำเป็นต้องมี writer อยู่ ในตัวเครื่องด้วย แต่สำหรับงานบางประเภทอาจต่างกันออกไป เช่นร้านทอง ใช้เพื่อเป็นหลักฐานหากเกิดการปล้น เวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นเราจะทราบทันทีไม่ต้องดูย้อนหลังไปนานถูกมั้ยครับ คือปล้นแล้วรู้เลย สิ่งที่ต้องทำคือเราเลือกช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์แล้วก็ Export ออกมาได้เลยครับ..
ในความเป็นจริงเดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีแล้วครับเครื่อง Write มันเขียนแผ่นช้า และได้ข้อมูลน้อย สู้พวก Thumbdrive ไม่ได้เลยครับ ราคา 4GB, 8Gb ไม่เกิน 500 บาทแล้ว
แบ่งตามความสามารถในการควบคุมกล้อง PTZ จาก DVR
บางรุ่นสามารถควบคุมกล้อง ให้หมุนซ้าย-ขวา ก้ม- เงย ซูมเข้า-ออก ได้จากตัวเครื่องเลย ก็สะดวกดีครับในกรณีที่มีกล้องประเภทนี้จำนวนไม่มาก แต่ถ้าหากไม่ได้ใช้กล้องประเภท PTZ ก็ไม่แนะนำให้ใช้ครับ เพราะว่าราคาจะสูงขึ้นมากโดยไม่จำเป็นเลยครับ
แบ่งตามฟังชั่นพิเศษต่างๆ
เช่นบางรุ่นสามาราถตั้ง Motion Detection ได้ หมายความว่า หากว่ามีวัตถุเคลื่อนไหวผ่านพื้นที่ที่กำหนด DVR ถึงจะบันทึก
- บางรุ่นสามารถสั่งให้นับจำนวนที่เคลื่อนไหวผ่าน เช่น ให้นับจำนวนรถที่เคลื่อนไหวไปในทิศทางจากซ้ายไปขวา ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ มันก็ทำได้ครับ
- บางรุ่นสามารถตรวจจับความร้อนได้ครับ เช่นเมื่อมีประกายไฟ หรือมีเปลวไฟ นานกว่า 10 วินาที่ ก็จะส่งสัญญาณออกไปให้ระบบอื่นๆ เช่นกระดิ่งทำงาน
เนื่อง จากว่าราคา Monitor แบบ LCD ราคาลดลงมามากและประหยัดพื้นที่ ทุกวันนี้หาเหตุผลในการซื้อช่องสัญญาณ output แบบเก่า มาใช้กับทีวี ไม่เจอแล้วล่ะครับ
พอจะทราบแล้วใช่ไหมครับว่า DVR แบบไหนเหมาะกับลักษณะการใช้งานของท่าน
การเลือกเครื่องบันทึก
1. ต้องเลือกเครื่องบันทึกจากยี่ห้อกล้องที่ต้องการใช้ เช่น ต้องการใช้กล้อง Sony ก็ต้องไปดูว่ายี่ห้อที่เราจะใช้ มันรองรับ Sony รุ่นที่ว่านี้หรือไม่ จริงๆก็เลือกเครื่องบันทึกยี่เดียวกับกล้องล่ะ แน่นอนที่สุด
2. จำนวนช่องสัญญาณ เช่นต้องการ กล้อง 9 ตัว ก็ต้องไปใช้เครื่องบันทึก รุ่น 16 channel เพราะไม่มีเครื่องบันทึกรุ่น 9 ช่องสัญญาณ ไม่สามารถเลือก 8+1 แบบนี้ได้
3. ดูจำนวนวันที่เราต้องการเก็บข้อมูล เช่นต้องการเก็บข้อมูล 1 เดือน ก็ต้องไปเลือกรุ่นที่รองรับ Harddisk ขนาดไม่น้อยกว่า 2 ลูก
4. ดูApplication ที่ใช้ เพราะ Application นี้คนพัฒนาคือผู้ผลิตเครื่องบันทึก เจ้าที่ไม่ใช่เจ้าหลักๆของโลก Applicaion จะพัฒนาช้า และไม่ค่อยปรับปรุงให้รองรับ feature ใหม่ๆ เพราะบางครั้งเรา update OS แล้วแต่ App ยังไม่ไ support ทำให้ไม่สามารถใช้ Application ได้